วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

การทำแท้ง
ในแต่ละปีมนุษย์ทั่วโลกมีการตั้งครรภ์ 205 ล้านครั้ง มากกว่าหนึ่งในสามเกิดขึ้นโดยไม่ได้วางแผนและประมาณหนึ่งในห้าสิ้นสุดด้วยการทำแท้ง การทำแท้งส่วนมากเกิดในการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน การทำแท้งสามารถทำได้หลายวิธีการตามความเหมาะสมของอายุครรภ์ที่แปรผันตามขนาดตัวเอ็มบริโอหรือทารกในครรภ์ วิธีการที่เหมาะสมอาจจะต่างไปตามแต่ความนิยมของแพทย์และผู้ป่วย ความจำกัดในแต่ละท้องที่และตามกฎหมายบัญญัติได้ การทำแท้งมีข้อบ่งชี้เพื่อการรักษาและตามความสมัครใจ การทำแท้งเพื่อการรักษาหมายถึงการทำแท้งที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์เพื่อรักษาชีวิตและสุขภาพกายและจิตของมารดา ยุติการตั้งครรภ์ทารกที่มีความเสี่ยงที่จะทุพพลภาพ เจ็บป่วย หรือตายก่อนกำหนด หรือเพื่อลดจำนวนทารกในครรภ์ในกรณีการตั้งครรภ์แฝดเพื่อลดความเสี่ยงทางสุขภาพ ส่วนการทำแท้งตามความสมัครใจหมายถึงการทำแท้งที่ไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และเป็นไปตามความประสงค์ของสตรี

การแท้งเองคือการแท้งที่เกิดขึ้นโดยไม่เจตนา โดยมดลูกขับเอ็มบริโอหรือทารกในครรภ์ออกก่อนอายุครรภ์ครบ 20 หรือ 22 สัปดาห์ การตั้งครรภ์ที่สิ้นสุดก่อนอายุครรภ์ครบ 37 สัปดาห์ และเกิดรอดเป็นทารกเรียกว่าการคลอดก่อนกำหนด แต่หากทารกในครรภ์เสียชีวิตในขณะคลอดหรือก่อนคลอดจะเรียกว่าทารกตายคลอด ทั้งการคลอดก่อนกำหนดและทารกตายคลอดไม่ถือว่าเป็นการแท้งเอง ร้อยละ 30 ถึงร้อยละ 50 ของการปฏิสนธิอยู่รอดถึงไตรมาสแรก ในขณะที่ส่วนที่เหลือแท้งไปตั้งแต่ผู้หญิงยังไม่ทราบว่าตนตั้งครรภ์ และมีการตั้งครรภ์หลายครั้งที่แท้งไปก่อนที่แพทย์จะตรวจพบเอ็มบริโอ การตั้งครรภ์ที่ตรวจพบแล้วจะสิ้นสุดด้วยการแท้งเองถึงร้อยละ 15-30 ตามสุขภาพและอายุของสตรีที่ตั้งครรภ์ เหตุการแท้งเองส่วนใหญ่(ร้อยละ 50)ในช่วงไตรมาสแรก คือ ความผิดปกติของโครโมโซมของเอ็มบริโอหรือทารกในครรภ์ สาเหตุอื่นๆในมารดาได้แก่ โรคทางระบบเส้นเลือด(เช่นโรคลูปัส) เบาหวาน ความผิดปกติของฮอร์โมน การติดเชื้อ และความผิดปกติของมดลูก ประวัติการตั้งครรภ์เมื่ออายุมากและประวัติการแท้งเองในอดีตเป็นสองปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการแท้ง

การแท้งเองคือการแท้งที่เกิดขึ้นโดยไม่เจตนา โดยมดลูกขับเอ็มบริโอหรือทารกในครรภ์ออกก่อนอายุครรภ์ครบ 20 หรือ 22 สัปดาห์ การตั้งครรภ์ที่สิ้นสุดก่อนอายุครรภ์ครบ 37 สัปดาห์ และเกิดรอดเป็นทารกเรียกว่าการคลอดก่อนกำหนด แต่หากทารกในครรภ์เสียชีวิตในขณะคลอดหรือก่อนคลอดจะเรียกว่าทารกตายคลอด ทั้งการคลอดก่อนกำหนดและทารกตายคลอดไม่ถือว่าเป็นการแท้งเอง ร้อยละ 30 ถึงร้อยละ 50 ของการปฏิสนธิอยู่รอดถึงไตรมาสแรก ในขณะที่ส่วนที่เหลือแท้งไปตั้งแต่ผู้หญิงยังไม่ทราบว่าตนตั้งครรภ์ และมีการตั้งครรภ์หลายครั้งที่แท้งไปก่อนที่แพทย์จะตรวจพบเอ็มบริโอ การตั้งครรภ์ที่ตรวจพบแล้วจะสิ้นสุดด้วยการแท้งเองถึงร้อยละ 15-30 ตามสุขภาพและอายุของสตรีที่ตั้งครรภ์ เหตุการแท้งเองส่วนใหญ่(ร้อยละ 50)ในช่วงไตรมาสแรก คือ ความผิดปกติของโครโมโซมของเอ็มบริโอหรือทารกในครรภ์ สาเหตุอื่นๆในมารดาได้แก่ โรคทางระบบเส้นเลือด(เช่นโรคลูปัส) เบาหวาน ความผิดปกติของฮอร์โมน การติดเชื้อ และความผิดปกติของมดลูก ประวัติการตั้งครรภ์เมื่ออายุมากและประวัติการแท้งเองในอดีตเป็นสองปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการแท้งการแท้งเองคือการแท้งที่เกิดขึ้นโดยไม่เจตนา โดยมดลูกขับเอ็มบริโอหรือทารกในครรภ์ออกก่อนอายุครรภ์ครบ 20 หรือ 22 สัปดาห์ การตั้งครรภ์ที่สิ้นสุดก่อนอายุครรภ์ครบ 37 สัปดาห์ และเกิดรอดเป็นทารกเรียกว่าการคลอดก่อนกำหนด แต่หากทารกในครรภ์เสียชีวิตในขณะคลอดหรือก่อนคลอดจะเรียกว่าทารกตายคลอด ทั้งการคลอดก่อนกำหนดและทารกตายคลอดไม่ถือว่าเป็นการแท้งเอง ร้อยละ 30 ถึงร้อยละ 50 ของการปฏิสนธิอยู่รอดถึงไตรมาสแรก ในขณะที่ส่วนที่เหลือแท้งไปตั้งแต่ผู้หญิงยังไม่ทราบว่าตนตั้งครรภ์ และมีการตั้งครรภ์หลายครั้งที่แท้งไปก่อนที่แพทย์จะตรวจพบเอ็มบริโอ การตั้งครรภ์ที่ตรวจพบแล้วจะสิ้นสุดด้วยการแท้งเองถึงร้อยละ 15-30 ตามสุขภาพและอายุของสตรีที่ตั้งครรภ์ เหตุการแท้งเองส่วนใหญ่(ร้อยละ 50)ในช่วงไตรมาสแรก คือ ความผิดปกติของโครโมโซมของเอ็มบริโอหรือทารกในครรภ์ สาเหตุอื่นๆในมารดาได้แก่ โรคทางระบบเส้นเลือด(เช่นโรคลูปัส) เบาหวาน ความผิดปกติของฮอร์โมน การติดเชื้อ และความผิดปกติของมดลูก ประวัติการตั้งครรภ์เมื่ออายุมากและประวัติการแท้งเองในอดีตเป็นสองปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการแท้ง







การทำแท้งในระยะไตรมาสที่สองต้องใช้วิธีอื่นๆ เช่น การชักนำให้คลอดก่อนกำหนดด้วยยาพรอสตาแกลนดินซึ่งอาจให้ร่วมกับการฉีดสารความดันออสโมซิสสูงที่ประกอบด้วยน้ำเกลือ หรือยูเรียเข้าในนำคร่ำ การทำแท้งที่อายุครรภ์มากกว่า 16 สัปดาห์อาจใช้วิธี partial-birth abortion/intrauterine cranial decompression/intact dilation and extraction : IDX ซึ่งมีการทำลายศีรษะทารกในครรภ์ด้วยวิธีทางศัลยกรรมก่อนถ่ายทารกในครรภ์ออก นอกจากนี้ในระยะท้ายของการตั้งครรภ์อาจจะใช้วิธีการผ่ามดลูก (hysterotomy abortion) ซึ่งมีวิธีการคล้ายกับการผ่าท้องคลอดขณะให้ยาสลบทั่วไป โดยจะมีการเปิดแผลผ่าตัดเล็กกว่าการผ่าท้องคลอด
ราชวิทยาลัยสูติแพทย์และนรีแพทย์ได้แนะนำวิธีการฉีดยาเพื่อหยุดการทำงานของหัวใจทารกในครรภ์ในระยะแรกของการทำแท้งด้วยวิธีทางศัลยกรรมเพื่อให้แน่นอนว่าทารกในครรภ์จะไม่เกิดรอด

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554




พฤติกรรมเบี่ยงเบนประเภทการทำแท้ง
การทำให้ลูกแท้งลูก คือ การทำให้ทารกคลอดจากครรภ์มารดาก่อนกำหนด ในลักษณะที่ไม่มีชีวิต
การทำแท้งเป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบนในสังคมไทย
กฎหมายตราสามดวง สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ผู้ใดให้ยาท่านกิน ลูกในท้องต้องตาย ให้เอาตัวแม่มันกึ่งหนึ่ง ตัวไหมทวีคูณเป็นไหมกึ่งพินัยกึ่ง แล้วให้ทวน 60 ที เอาขึ้นที่ประจานแล้วจำไว้ในคุก ถ้าตายทั้งแม่ทั้งลูกให้มันตายตกไปตามกัน
การทำแท้ง หมายถึง การตั้งครรภ์ที่สิ้นสุดก่อนการตั้งครรภ์ 28 สัปดาห์ หรือคิดตามน้ำหนักเด็กต่ำกว่า 1,000 กรัม จึงจะถือเป็นแท้ง (องค์การอนามัยโลก)
ประเภทของการทำแท้ง
1.        การทำแท้งโดยธรรมชาติ (Spontaneous Abortion)
2.        การทำแท้ง (Induced or Artificial Abortion)
-    แท้งเพื่อการรักษา ( Therapeutic Abortion)
-    แท้งผิดกฎหมาย (Criminal Abortion)
แบ่งตามเกณฑ์กฎหมาย
1.      การทำแท้งโดยถูกต้องตามกฎหมาย (Legal Abortion)
ตัวอย่าง                   สุขภาพ
                                ข่มขืน
2.   การทำแท้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (Illegal Abortion)
ประวัติการทำแท้ง
การทำแท้งเป็นนโยบายในการจัดระเบียบประชากรที่ดี
·         ในอดีต กรีก โรมัน ไม่มีนโยบายในการลงโทษการทำแท้งในระยะแรกของการตั้งครรภ์
·         อริสโตเติล               “ชีวิตเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในครรภ์ได้ 40 วัน   = ชาย      90 วัน = หญิง
ภายใต้กฎหมายโรมัน ชีวิตเกิดขึ้นทั้งหญิงและชายเมื่ออยู่ในครรภ์ได้ 40 วัน
การทำแท้งในระยะ 40 วันแรกของการตั้งครรภ์ ไม่ถือว่าเป็นฆาตกร
·         St. Thomas Aquinas (นักปราชญ์คาธอลิค ใน ศ. 10)
ชีวิตเกิดขึ้นเมื่อตัวอ่อนฝังตัวในมดลูก
·         Pope Gregory IX (1227 – 1241) ประกาศว่า การทำแท้งจะทำได้ในระยะ 40 วันแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งทารกยังไม่มีการเคลื่อนไหว
·        กฎหมายของประเทศอังกฤษใน ศ. 13 ยอมรับว่าการทำแท้งว่าสามารถกระทำได้ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ จนกว่าทารกในครรภ์จะเคลื่อนไหวได้
·        สหรัฐอเมริกา กฎหมายมาจากอังกฤษ ยอมให้ทำแท้งได้ ในระยะแรกของการตั้งครรภ์
·         ปี ค.. 1869 Pope Pius IX ถือว่าทารกในครรภ์มีชีวิต และไม่มีระยะใดที่ไม่มีชีวิต
 ตั้งแต่นั้นมา วัดคาธอลิค ก็ถือว่า การทำแท้งเป็นการฆาตกรรม และผู้ทำต้องถูกลงโทษอย่างหนัก
·         ปี ค.. 1803 กฎหมายต่อต้านการทำแท้ง เริ่มใช้เป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤา
·         ปี ค.. 1821 รัฐคอนเน็คติกัต ได้ลงโทษการทำแท้ง ขณะที่เด็กทารกในครรภ์ดิ้น โดยให้ดื่มยาพิษ (รัฐอื่น ๆ ถือว่าการทำแท้งผิดกฎหมาย)
·         ปี ค.. 1860 ยกเว้นให้มีการทำแท้งได้ ถ้าจำเป็นเพื่อช่วยชีวิตสตรี

การทำแท้งกลายเป็นอาชญากรรม
1.        เดิมการทำแท้งทำให้ติดเชื้อ
-          มีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น สตรีถึงแก่ชีวิต
-          กลาง ศ. 19 คลื่อมนุษยธรรมในการปกป้องสตรี ได้กดดันให้ออกกฎหมายทำแท้ง
2.        การสูญเสียประชากร
-          การขาดแคลนแรงงาน
3.        แนวความคิดที่ว่า กามารมณ์เป็นสิ่งเลวร้าย การตั้งครรภ์เป็นการลงโทษความสุขที่เกิดจากความสัมพันธ์ทางเศ ความเจ็บปวดที่ได้รับจากการทำแท้งจะเป็นบทเรียนให้สตรี รู้สึกเข็ดหลาบต่อกามารมณ์

พฤติกรรมการทำแท้ง นอกเหนือจากกฎหมายกำหนด เป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบน
สาเหตุ
1.  สังคม
·         เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป เช่น ค่านิยมในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
·         ปัญหาอาชญากรรม การข่มขืนที่เพิ่มมากขึ้น
2.  เศรษฐกิจ
·         การมีปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ไม่สามารถเลี่ยงดูบุตรได้
3.  การแพทย์
·         การประสบปัญหาสุขภาพ ทำให้ผู้เป็นแม่ไม่สามารถมีบุตรได้
การทำแท้ง ขัดต่อ
- บรรทัดฐาน
- ขนบธรรมเนียมประเพณี
- ศีลธรรม
พฤติกรรมเบี่ยงเบนประเภทการทำแท้ง
การทำให้ลูกแท้งลูก คือ การทำให้ทารกคลอดจากครรภ์มารดาก่อนกำหนด ในลักษณะที่ไม่มีชีวิต
การทำแท้งเป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบนในสังคมไทย
กฎหมายตราสามดวง สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ผู้ใดให้ยาท่านกิน ลูกในท้องต้องตาย ให้เอาตัวแม่มันกึ่งหนึ่ง ตัวไหมทวีคูณเป็นไหมกึ่งพินัยกึ่ง แล้วให้ทวน 60 ที เอาขึ้นที่ประจานแล้วจำไว้ในคุก ถ้าตายทั้งแม่ทั้งลูกให้มันตายตกไปตามกัน
การทำแท้ง หมายถึง การตั้งครรภ์ที่สิ้นสุดก่อนการตั้งครรภ์ 28 สัปดาห์ หรือคิดตามน้ำหนักเด็กต่ำกว่า 1,000 กรัม จึงจะถือเป็นแท้ง (องค์การอนามัยโลก)
ประเภทของการทำแท้ง
1.        การทำแท้งโดยธรรมชาติ (Spontaneous Abortion)
2.        การทำแท้ง (Induced or Artificial Abortion)
-    แท้งเพื่อการรักษา ( Therapeutic Abortion)
-    แท้งผิดกฎหมาย (Criminal Abortion)
แบ่งตามเกณฑ์กฎหมาย
1.      การทำแท้งโดยถูกต้องตามกฎหมาย (Legal Abortion)
ตัวอย่าง                   สุขภาพ
                                ข่มขืน
2.   การทำแท้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (Illegal Abortion)
ประวัติการทำแท้ง
การทำแท้งเป็นนโยบายในการจัดระเบียบประชากรที่ดี
·         ในอดีต กรีก โรมัน ไม่มีนโยบายในการลงโทษการทำแท้งในระยะแรกของการตั้งครรภ์
·         อริสโตเติล               “ชีวิตเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในครรภ์ได้ 40 วัน   = ชาย      90 วัน = หญิง
ภายใต้กฎหมายโรมัน ชีวิตเกิดขึ้นทั้งหญิงและชายเมื่ออยู่ในครรภ์ได้ 40 วัน
การทำแท้งในระยะ 40 วันแรกของการตั้งครรภ์ ไม่ถือว่าเป็นฆาตกร
·         St. Thomas Aquinas (นักปราชญ์คาธอลิค ใน ศ. 10)
ชีวิตเกิดขึ้นเมื่อตัวอ่อนฝังตัวในมดลูก
·         Pope Gregory IX (1227 – 1241) ประกาศว่า การทำแท้งจะทำได้ในระยะ 40 วันแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งทารกยังไม่มีการเคลื่อนไหว
·        กฎหมายของประเทศอังกฤษใน ศ. 13 ยอมรับว่าการทำแท้งว่าสามารถกระทำได้ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ จนกว่าทารกในครรภ์จะเคลื่อนไหวได้
·        สหรัฐอเมริกา กฎหมายมาจากอังกฤษ ยอมให้ทำแท้งได้ ในระยะแรกของการตั้งครรภ์
·         ปี ค.. 1869 Pope Pius IX ถือว่าทารกในครรภ์มีชีวิต และไม่มีระยะใดที่ไม่มีชีวิต
 ตั้งแต่นั้นมา วัดคาธอลิค ก็ถือว่า การทำแท้งเป็นการฆาตกรรม และผู้ทำต้องถูกลงโทษอย่างหนัก
·         ปี ค.. 1803 กฎหมายต่อต้านการทำแท้ง เริ่มใช้เป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤา
·         ปี ค.. 1821 รัฐคอนเน็คติกัต ได้ลงโทษการทำแท้ง ขณะที่เด็กทารกในครรภ์ดิ้น โดยให้ดื่มยาพิษ (รัฐอื่น ๆ ถือว่าการทำแท้งผิดกฎหมาย)
·         ปี ค.. 1860 ยกเว้นให้มีการทำแท้งได้ ถ้าจำเป็นเพื่อช่วยชีวิตสตรี

การทำแท้งกลายเป็นอาชญากรรม
1.        เดิมการทำแท้งทำให้ติดเชื้อ
-          มีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น สตรีถึงแก่ชีวิต
-          กลาง ศ. 19 คลื่อมนุษยธรรมในการปกป้องสตรี ได้กดดันให้ออกกฎหมายทำแท้ง
2.        การสูญเสียประชากร
-          การขาดแคลนแรงงาน
3.        แนวความคิดที่ว่า กามารมณ์เป็นสิ่งเลวร้าย การตั้งครรภ์เป็นการลงโทษความสุขที่เกิดจากความสัมพันธ์ทางเศ ความเจ็บปวดที่ได้รับจากการทำแท้งจะเป็นบทเรียนให้สตรี รู้สึกเข็ดหลาบต่อกามารมณ์

พฤติกรรมการทำแท้ง นอกเหนือจากกฎหมายกำหนด เป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบน
สาเหตุ
1.  สังคม
·         เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป เช่น ค่านิยมในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
·         ปัญหาอาชญากรรม การข่มขืนที่เพิ่มมากขึ้น
2.  เศรษฐกิจ
·         การมีปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ไม่สามารถเลี่ยงดูบุตรได้
3.  การแพทย์
·         การประสบปัญหาสุขภาพ ทำให้ผู้เป็นแม่ไม่สามารถมีบุตรได้
การทำแท้ง ขัดต่อ
- บรรทัดฐาน
- ขนบธรรมเนียมประเพณี
- ศีลธรรม


                                                              


                                     




แนวทางการแก้ไขปัญหานี้ควรมียุทธศาสตร์การป้องกันการตั้งครรภ์และโรคเอดส์ในวัยรุ่นโดยเฉพาะ  เน้นในเรื่องการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของหญิงที่อายุต่ำกว่า 20 ให้มากขึ้น  รณรงค์ให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา  อนามัยเจริญพันธ์  เพื่อการป้องกัน การคุมกำเนิด การวางแผนครอบครัว  ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยป้องกันโรคและตั้งครรภ์  ปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้องในเรื่องความเป็นตัวตนชาย และ หญิง  ผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ  อยู่ในแผนแม่บท นโยบายระดับประเทศ ระดับจังหวัด  รวมทั้งแผนระดับอำเภอ  ตำบล  มีการบูรณาการการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ  โดยผ่านการใช้แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์  มีการติดตาม กำกับประเมินผล  ศึกษาวิจัยหารูปแบบการดำเนินงานให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ต่อไป
ไม่ใช้เข็มร่วมกัน สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง หยุดยั้งโรคเอดส์

                                                    






การแท้ง (อังกฤษ: abortion) คือการยุติการตั้งครรภ์ที่ระยะใดก็ตามที่ไม่ทำให้เกิดการเกิดรอด มักจะหมายถึงการยุติการตั้งครรภ์โดยการขับหรือนำเอ็มบริโอหรือทารกในครรภ์ออกจากมดลูกก่อนที่เอ็มบริโอหรือทารกในครรภ์นั้นจะสามารถอยู่รอดได้ การแท้งอาจเกิดขึ้นเองหรือเกิดจากการทำแท้งด้วยสารเคมีหรือศัลยกรรมก็ได้ การทำแท้งส่วนใหญ่กระทำโดยสูตินรีแพทย์ โดยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดสามารถแท้งได้
การทำแท้งอย่างถูกกฎหมายในประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นหัตถการหนึ่งในทางการแพทย์ที่ปลอดภัยมาก การทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย(เช่น ทำโดยผู้ที่ไม่ได้รับการอบรมฝึกฝนมาอย่างถูกต้อง)ทำให้มารดาเสียชีวิตถึง 70,000 ราย และทุพพลภาพ ถึง 5,000,000 รายจากทั่วโลก ในแต่ละปีมีการทำแท้งเกิดขึ้น 42,000,000 ครั้งทั่วโลก โดยในจำนวนนี้มีถึง 20,000,000 ครั้งที่ทำโดยไม่ปลอดภัย มีเพียงร้อยละ 49 ของประชากรหญิงทั่วโลกที่เข้าถึงการทำแท้งเพื่อการรักษาและการทำแท้งโดยสมัครใจในอายุครรภ์ที่เหมาะสม
การทำแท้งมีมาในประวัติศาสตร์นานแล้ว โดยใช้วิธีการต่างๆ ทั้งการใช้สมุนไพร ของมีคม วิธีทางกายภาพและวิธีการดั้งเดิมต่างๆ ในขณะที่แพทย์แผนปัจจุบันทำแท้งด้วยยาหรือศัลยกรรม แต่ละพื้นที่ทั่วโลกมีมิติทาง[[กฎหมาย] ศาสนา วัฒนธรรม และความนิยมที่มีต่อการทำแท้งแตกต่างกันไปโดยในบางพื้นที่มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงในประเด็นทางจริยธรรมและ[[กฎหมาย]เกี่ยวกับการทำแท้ง การทำแท้งและประเด็นเกี่ยวกับการทำแท้งถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้ออภิปรายและใช้ในการวางนโยบายทางการเมืองหลายประเทศ ทั้งในสายสนับสนุนที่เห็นว่าการทำแท้งเป็นสิทธิของสตรีที่ตั้งครรภ์และสายต่อต้านที่เห็นว่าทารกที่กำเนิดขึ้นมาในครรภ์มีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยเช่นกัน อุบัติการณ์ของการทำแท้งทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงจากการเข้าถึงสุขศึกษาการวางแผนครอบครัวและการบริการเพื่อการคุมกำเนิดที่มีมากขึ้น
การแท้งมีหลายแบบ  1. การทำแท้ง 2 .การแท้งเอง 3 .การแท้งด้วยยา3. การทำแท้งด้วยศัลยกรรม4. การทำแท้งด้วยวิธีอื่น
และมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ต้องทำแท้งคือการที่เด็กจะออกมาแล้วไม่สมประกอบ  เช่น ไม่แขน  ขาพิการตามร่างกายก็สามารถที่จะทำแท้งได้แบบที่ไม่ผิดกฏหมาย






วัยรุ่นหญิงอยู่หอนอก เสี่ยงท้องและโรคติดต่อทางเพศ! 
ปัจจุบันปัญหาเด็กและเยาวชนได้ทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีขนาดใหญ่และมีสถาบันการศึกษาตั้งอยู่  จังหวัดพิษณุโลกเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและการศึกษา  เป็นศูนย์กลางการพัฒนาและเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอินโดจีน อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตบัณฑิตรองรับตลาดแรงงานที่ขยายตัว เพราะว่ามีสถาบันการศึกษาจำนวนมาก  จึงพบว่ามีหอพักเอกชนในจังหวัดพิษณุโลกที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และที่ยังไม่ได้จดทะเบียนหรือเรียกว่า หอพักเถื่อนมีอยู่เป็นจำนวนมาก  โดยเฉพาะรอบๆสถานศึกษา  จากข้อมูลการศึกษาพบว่าการที่เยาวชนรวมตัวกันอยู่ในหอพักนอกสถานศึกษา  พบการใช้เวลาว่างที่ไม่เป็นประโยชน์  และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเพศ  ยาเสพติด   การดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ มากกว่าเยาวชนที่พักหอในสถานศึกษา มากถึงประมาณ 6 เท่า
สาเหตุส่วนมากของการท้องในกลุ่มเยาวชน คือ
1) มาจากครอบครัวที่มีระดับเศรษฐกิจและการศึกษาในระดับต่ำ รายได้น้อย 
2) อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
3) ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องเพศศึกษา การวางแผนครอบครัว การคุม  
    กำเนิดที่ถูกต้อง
4) มีเจตคติและค่านิยมต่อการตั้งครรภ์หรือการยอมรับการมีบุตร
5) ขาดวุฒิภาวะที่เหมาะสมด้านอารมณ์และประสบการณ์
แนวทางการแก้ไขปัญหานี้ควรมียุทธศาสตร์การป้องกันการตั้งครรภ์และโรคเอดส์ในวัยรุ่นโดยเฉพาะ  เน้นในเรื่องการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของหญิงที่อายุต่ำกว่า 20 ให้มากขึ้น  รณรงค์ให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา  อนามัยเจริญพันธ์  เพื่อการป้องกัน การคุมกำเนิด การวางแผนครอบครัว  ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยป้องกันโรคและตั้งครรภ์  ปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้องในเรื่องความเป็นตัวตนชาย และ หญิง  ผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ  อยู่ในแผนแม่บท นโยบายระดับประเทศ ระดับจังหวัด  รวมทั้งแผนระดับอำเภอ  ตำบล  มีการบูรณาการการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ  โดยผ่านการใช้แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์  มีการติดตาม กำกับประเมินผล  ศึกษาวิจัยหารูปแบบการดำเนินงานให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ต่อไป
ไม่ใช้เข็มร่วมกัน สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง หยุดยั้งโรคเอดส์